กรอกโค้ด WEEKEND15 ลดเพิ่มอีก 15% จากส่วนลดเดิมทุกไอเทม
Buy 3 Get 4 ช้อปเสื้อยืดรุ่นยอดนิยม คละรุ่นและสีได้ตามใจชอบ สิ้นสุด 30 เม.ย. นี้เท่านั้น

A Western Take on Formalwear

วัฒนธรรมการแต่งกายของโลกตะวันตก
รายละเอียดแห่งวัฒนธรรมโลกตะวันตก ที่ลดทอนความเป็นทางการของการแต่งกายให้สนุกขึ้น

เมื่อความเป็นทางการของชุดสูทถูกลดทอนลงไปในปัจจุบัน ประกอบกับสภาพอากาศและโอกาสสำคัญที่ไม่ได้เอื้ออำนวย เห็นทีจะยิ่งทำให้ Formalwear ไกลตัวเราออกไปกว่าเดิม แต่สิ่งที่เรามองเห็นไม่ได้เป็นความเสื่อมลงของเสื้อผ้าสุภาพทางการ หากแต่เป็นความยืดหยุ่นในการแต่งกาย ที่เปิดประตูให้กับสไตล์ที่สร้างสรรค์ 

เราเชื่อในเรื่องการประยุกต์เอาสิ่งที่เรียกว่าเป็นระเบียบแบบแผนมาใช้กับความเป็นปัจจุบัน Dress up และ Dress down ตามแต่จินตนาการและความเหมาะสม โดยไม่ลืมที่มาของสิ่งนั้นๆ ในวันนี้เราจะพาผู้อ่านดำดิ่งลงไปในโลกตะวันตก อิทธิพลของสไตล์คาวบอยอันมีจุดกำเนิดจากทุ่งหญ้า บาร์เหล้า และอาทิตย์อัสดงในพื้นที่เขตร้อนของสหรัฐอเมริกา

หากพูดถึงเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นคาวบอยของชาติตะวันตกแล้ว เราเชื่อว่าภาพจำแรกในใจของหลายๆคน คือชายฉกรรจ์ที่ป้วนเปี้ยนแถวโรงเบียร์ในรัฐเท็กซัส เดินลากรองเท้าบู๊ทมาพร้อมความแห้งกรังของฝุ่นทราย ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทว่าในความเป็นจริงนั้นชายผู้มาพร้อมกับการควงปืนคู่ หมวกปีกกว้าง และลีลาการร่ำสุราเมรัยมีความน่าสนใจที่รอให้ค้นพบ

เมื่อลงลึกไปถึงแก่นประวัติศาสตร์ชาติตะวันตกนั้น ความหมายตรงตัวคือโลกฝั่งตะวันตกหรือ Western World ที่เริ่มต้นอย่างเข้มข้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา และเป็นภาพที่เด่นชัดของชนชาติอเมริกันยุคบุกเบิกที่ได้เข้ามาตั้งรุกรานในดินแดนแถบตะวันตกของสหรัฐอเมริกานี้ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีการประกอบอาชีพในยุคสมัยนั้น จะเน้นการทำฟาร์มปศุสัตว์กันเป็นหลักปักฐาน ทำให้กำเนิดคำว่า “คาวบอย” ขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย 

หากถามว่าคาวบอยนั้นมีความหมายอย่างไร ก็คงชัดแจ้งตรงตัวและแปลความได้ว่าคือผู้ที่รับจ้างขี่ม้าต้อนวัวเพื่อรับใช้เจ้าของ และในบางครั้งอาจจะต้องสู้รบตบมือกับกลุ่มชนเชื้ออินเดียนแดงหรือ Native American อยู่เนืองๆ ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่หลัก ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ได้เผยแพร่ออกมาสู่โลกภาพยนตร์อย่างนับไม่ถ้วนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930 จวบจนปัจจุบัน

ในความเป็นจริงสิ่งที่คาวบอยได้รับความสนใจจากสังคมหมู่มากนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาจากลักษณะการทำงานของพวกเขา หากแต่เป็นเรื่องราวของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่โดดเด่น ทั้งรูปแบบและทรวดทรงที่โดดเด่นแบบเคร่งขรึม สมบุกสมบัน และทรงพลัง ตั้งแต่การโพกผ้า Bandana การสวมหมวกปีกกว้างที่ทำขึ้นมาจากหนังสัตว์ เสื้อเชิ้ตพับปีกนกคู่กับกระดุมมุกสีนวล กางเกงเดนิมทรง Bootcut ทรง Dungaree และอีกมากมาย 

สไตล์การแต่งกายและการใช้ชีวิตในแบบของความเป็นเวสเทิร์นยังทรงพลังเรื่อยมา และมีคุณูปการส่งต่อให้เกิดการกำกับศิลป์ของภาพยนตร์ชั้นครูอย่าง The Good, The Bad & The Ugly ในปี ค.ศ. 1966, Once Upon a Time in The West ในปี ค.ศ. 1968, The Wild Bunch ในปี ค.ศ. 1969 และอีกมาก รวมถึงสไตล์แสนไอคอนิกที่เกิดขึ้นมาจากลักษณะการแต่งกายรูปแบบนี้

Western Pattern

ลวดลายการแกะสลักเข็มขัดและเครื่องหนังของโลกตะวันตกยังคงเป็นอะไรที่มีเสน่ห์อย่างเหลือร้าย สามารถนำมาปรับใช้ร่วมกับเสื้อเดนิมสีสดได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว และยังสวมใส่ได้ง่ายในวันสบายๆ หรืออยากจะสนุกกับการแต่งตัวขึ้นมาอีกระดับในสไตล์ Formalwear การจับคู่กับกางเกงเดรสสีขาวทรงสลิมความยาวประมาณกลางตาตุ่ม พร้อมด้วยรองเท้าหนังสไตล์ Loafer สีน้ำตาลเข้มหรือแดงเบอร์กันดี องค์ประกอบของรายละเอียดเหล่านี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังสำหรับการเพิ่มความพิเศษให้กับลักษณะการแต่งตัวแบบทางการ

Denim Fabric

เนื้อผ้ายีนส์หรือเดนิมนั้นแน่นอนว่าหลายคนคงจะมีติดตู้เสื้อผ้ากันไม่มากก็น้อย อย่างที่รู้กันดีว่าผ้าเดนิมผืนแรกนั้นเริ่มต้นมาจาก Jacob Davis และ Levi Strauss ในปี 1873 ที่ต้องการเนื้อผ้าทนทานแข็งแรงเหมาะสมสำหรับการใช้งานที่สมบุกสมบัน จึงเป็นเหตุผลที่ว่าผ้าเดนิมนั้นมีจุดเริ่มต้นและรากฐานมาจากโลกตะวันตก ทำให้เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากเนื้อผ้าชนิดนี้จะให้ความรู้สึกที่ Masculine มากกว่าเนื้อผ้าชนิดอื่น รวมถึงสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแมทช์เนื้อผ้าแบบ Denim On Denim หรือเรื่องของโทนสีความเข้มในการสวมใส่ ก็นับเป็นอีกหนึ่งประโยชน์จาก Western World ที่มีความสำคัญต่อวงการเครื่องแต่งกายจวบจนทุกวันนี้ แถมยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับรูปแบบของเครื่องแต่งกายที่เป็นทางการได้อย่างน่าสนใจ

Bandana

ผ้าสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีจุดประสงค์ในการสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันฝุ่นควันให้กับผู้สวมใส่จากเดิมทีไม่ได้มีจุดเด่นหรือลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์แต่อย่างใด แต่เมื่อความสวยความงามได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตเคียงคู่กับการใช้งานแล้วนั้น ผ้าสี่เหลี่ยมผืนนี้จึงได้ถูกรังสรรค์ลวดลายต่างๆ ลงไปจนมีจุดเด่นที่น่าสนใจและถูกแต่งเติมปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับยุคสมัยเรื่อยมา ซึ่งการจะนำผ้า Bandana มาประดับร่วมกับเสื้อผ้าชิ้นอื่นนั้นมีด้วยกันหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเหน็บไว้ที่ปลายกระเป๋าเพื่อเพิ่มลูกเล่น หรือผูกแบบหลวมๆ ไว้ที่คอก็จะให้กลิ่นอายของความเป็นเวสเทิร์น และอีกมากมายเท่าที่คุณจะสามารถประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์เฉพาะตัว

Western Shoulder

รายละเอียดของกิมมิคเสื้อผ้าชนิดนี้อยู่คู่มากับการแต่งกายของคาวบอยมาช้านาน เมื่อกาลเวลาผ่านไปปีกนกเหล่านี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้มีความร่วมสมัยมากขึ้นตามบริบทของกระแสแฟชั่นในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งในปัจจุบันเราอาจจะพบเห็นได้จากเสื้อเชิ้ตผ้าเดนิมกับกระดุมมุกสีนวล

Whipstitch

หากมองแบบผิวเผินการสวมใส่เสื้อผ้าที่มีการกุ๊นขอบเสื้ออาจจะทำให้ดูเหมือนชุดนอนหากผ้าที่สวมใส่มีลักษณะเบาบางและมันเงาจนเกินไป แต่แรกเริ่มเดินทีการกุ๊นขอบแบบนี้บนเสื้อเชิ้ตที่มีกลิ่นอายเวสเทิร์นเกิดขึ้นมาจากลักษณะของการทำ Whipstitch หรือการถักทอเส้นหนังบนเครื่องหนังและอานม้าของผู้ต้อนวัวที่ในเวลาต่อมาถูกส่งต่อมาอยู่บนเสื้อผ้าไม่ว่าจะเป็นเสื้อสูท แจ็คเก็ต หรือเสื้อเชิ้ตก็ตามแต่ นับเป็นรายละเอียกเล็กน้อยที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับเสื้อผ้าในลักษณะเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด

Western Boot

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งในเครื่องแต่งกายของคาวบอยคือการสวมใส่รองเท้าบู้ทสูงและหนาที่มักจะประดับประดาไปด้วยลวดลายพิเศษที่เกิดขึ้นจากการสั่งทำเพื่อสร้างความแตกต่างและบ่งบอกนัยยะเฉพาะตน รองเท้าบู้ทนี้มักจะมาพร้อมกับสเปอร์และสายหนังคาดเพื่อเอาไว้สะกิดม้า ถือว่าเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นการใช้งานที่จำเป็น ซึ่งในปัจจุบันรองเท้าทรงนี้ได้ถูกดัดแปลงให้มีความสวยงามและรับกับข้อเท้าผู้ใส่ได้อย่างสมดุลมากขึ้น เป็นหนึ่งในทรงรองเท้าบู้ทที่เสริมสร้างบุคลิกและความโดดเด่นให้กับผู้สวมใส่ได้ดี และสามารถจับคู่กับการแต่งตัวได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสไตล์อย่าง Rockabilly คู่กับ Biker Jacket ก็ดี หรือจะแมทช์กับเสื้อเชิ้ตผ้าลินินเนื้อดีกับกางเกงทรงสลิมสำหรับวันแฮงค์เอ้าท์บน Rooftop Bar ก็นับเป็นหนึ่งในลูกเล่นที่น่าสนใจ หรือจะใช้เป็นตัวบ่งบอกนัยยะแฝงกับเสื้อผ้าที่เป็นทางการอย่างเช่นการชุดสูทสำหรับงานสังคมกลางคืนก็สามารถเข้าคู่กันได้อย่างมีระดับ

Western Belt

ลบความคิดที่ว่าเข็มขัดหนังผู้ชายมีไว้เพื่อคาดรัดกางเกงที่หลวมไม่ให้หลุดเสียให้หมด เพราะกางเกงที่ใส่พอดีไม่ควรต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเข็มขัดเพื่อปรับกระชับ คุณไม่ได้ซื้อกางเกงเผื่อโตเหมือนตอนเด็กๆ อีกแล้วจริงไหม ดังนั้นเข็มขัดควรทำหน้าที่เป็นเครื่องประดับมากกว่าเป็นเครื่องมือ ซึ่งหมายถึงมันต้องเติมเต็มให้ชุดที่ใส่ดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เข็มขัดเวสเทิร์นในปัจจุบันถูกลดทอนรูปลักษณ์ที่ดูคาวบอยให้ดูร่วมสมัยและใส่ง่ายขึ้น เป็นเครื่องประดับที่ช่วยเติมคาแรคเตอร์แต่ไม่กับดึงสายตาโดดเด่นเสียงดังเกินเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ เข็มขัดเวสเทิร์นเป็นไอเทมที่ใส่ได้กับเสื้อผ้าหลายลุค  ใส่กับเสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็ดูเรียบเท่ อยู่กับชุดสูทก็ดูสุขุม ลึกลับ ซ่อนแววขบถพองาม

Previous Article Next Article